ระบบไฟ 3 เฟส เป็นระบบที่เหมาะกับบ้านขนาดใหญ่ อาคารสถานที่ที่ต้องใช้ไฟเยอะๆ หรือโรงงานที่ต้องใช้ไฟทีละมากๆ เนื่องจากระบบไฟฟ้า 3 เฟส จะช่วยทำให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังส่วนต่างๆ ของอาคารสถานที่มีความเสถียร และหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นไฟฟ้าก็ยังคงทำงานได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ อีกทั้งยังปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยเช่นกัน มารู้จักไฟ 3 เฟสให้มากขึ้นได้ที่บทความนี้กันเลย
ระบบไฟฟ้า คืออะไร?
ไฟฟ้าเป็นพลังงานอีกหนึ่งชนิดที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของพวกเราอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ต่างต้องการพลังงานจากกระแสไฟฟ้าทั้งนั้น
ระบบไฟฟ้าที่ถูกใช้งานมากที่สุดคือระบบไฟฟ้า 1 เฟส กับ 3 เฟส โดยระบบไฟฟ้า 1 เฟส เหมาะสำหรับการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ไม่ต้องการกระแสไฟมากนัก เพียงแต่ใช้กระแสไฟตามความต้องการในการดำเนินชีวิต ในขณะที่ ไฟ 3 เฟส เหมาะสำหรับการใช้กระแสไฟฟ้าในระบบอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้กระแสไฟเป็นจำนวนมากนั่นเอง
ระบบไฟ 3 เฟส คืออะไร?
ระบบไฟ 3 เฟส เป็นการที่มีแรงดันไฟฟ้าระหว่าง สายไลน์กับไลน์ 380 - 400 โวลต์ พร้อมการทำงานของแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์และสายนิวทรอลในขนาด 220 - 230 โวลต์ โดยมีความถี่อยู่ที่ 50 Hz ซึ่งจะมีสายไฟในระบบจำนวน 4 สาย ได้แก่ สายไลน์ (มีไฟ) 3 เส้น และ สายนิวทรอล (ไม่มีไฟ) 1 เส้น
อย่างที่ได้กล่าวถึงไปข้างต้นแล้วว่าไฟ 3 เฟส มักใช้กับไฟฟ้าในระบบอุตสาหกรรม เนื่องจากมักต้องใช้กระแสไฟและแรงดันไฟฟ้าสูง อีกทั้งโรงงานอุตสาหกรรมมักต้องการใช้ไฟพร้อมกันในอัตราที่มากๆ ไม่ว่าจะเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับเครื่องจักร สำหรับสำนักงาน หรือเพื่อให้แสงสว่างในโรงงานด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากต้องการใช้ไฟ 3 เฟส ในครัวเรือนก็สามารถทำได้ แต่ลักษณะการทำงานจะเป็นการที่นำไฟ 3 เฟส แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 1 เฟส เพื่อกระจายกระแสไฟฟ้าไปยังจุดต่างๆ ของบ้าน
ความแตกต่างของระบบไฟ 1 เฟส กับระบบไฟ 3 เฟส
ระบบไฟ 1 เฟส มีกระแสแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 220 - 230 โวลต์ มีความถี่ 50 Hz โดยมีสายไฟ 2 เส้น ได้แก่ สายไลน์ หรือ สายไฟ และสายนิวทรอล ซึ่งไฟ 1 เฟส เหมาะแก่การใช้งานภายในครัวเรือน เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านส่วนใหญ่ต้องการแรงดันไฟฟ้าที่ 220 โวลต์
ไฟ 1 เฟส กับ ไฟ 3 เฟส มีกำลังแรงดันไฟที่แตกต่างกัน ลักษณะการใช้งานก็แตกต่างกัน เนื่องจากไฟ 1 เฟส เหมาะกับการใช้ภายในครัวเรือน ส่วนไฟ 3 เฟส จะเหมาะกับโรงงานนั่นเอง
ระบบไฟ 3 เฟส จำเป็นอย่างไร?
ระบบไฟ 3 เฟส จำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้งานกระแสไฟฟ้าในระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน หรือโรงพยาบาล ที่ต้องการใช้ไฟจำนวนมาก เนื่องจากไฟ 3 เฟส จะช่วยให้กำลังในการส่งกระแสแรงดันไฟฟ้ามีความเสถียร สถานที่ต่างๆ จึงสามารถใช้ไฟได้อย่างไม่ติดขัด หรือหากเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ ก็จะยังมีกระแสไฟมากพอที่จะช่วยให้การทำงานไม่ขัดข้อง อีกทั้งไฟ 3 เฟสแม้ว่าอาจจะต้องเริ่มลงทุนในระยะแรก แต่ในระยะยาวแล้วการเลือกใช้ไฟ 3 เฟส จะช่วยให้ประหยัดได้มากกว่า
ระบบไฟฟ้า 3 เฟสดีกว่าอย่างไร?
เมื่อได้รู้จักกับระบบไฟ 3 เฟสกันไปแล้วว่าคืออะไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน มาดูข้อดีของระบบไฟ 3 เฟสเพิ่มเติมกันได้เลย
1. ราคาที่ถูกกว่า
เนื่องจากไฟ 3 เฟส สามารถกระจายและส่งออกกระแสไฟฟ้าได้ในปริมาณมาก หากเมื่อนำมาเปรียบเทียบราคาก็จะเห็นได้ถึงความคุ้มค่าคุ้มราคามากกว่า อีกทั้งหากเลือกใช้ไฟ 3 เฟส ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ในการผลิตกระแสไฟฟ้า
2. ให้พลังงานที่มากกว่า
แน่นอนว่าการใช้ไฟ 3 เฟส จะให้แรงดันกระแสไฟที่มากกว่า สามารถจ่ายไฟฟ้า และพลังงานได้มากกว่าระบบไฟฟ้าอื่นๆ จึงทำให้ระบบไฟ 3 เฟส เหมาะกับการนำไปใช้ในระบบอุตสาหกรรม หรือสถานที่ที่ต้องใช้ไฟจำนวนมากเป็นอย่างยิ่ง
3. พลังงานที่เสถียรยิ่งขึ้น
ไฟ 3 เฟส นั้นสามารถให้กระแสไฟได้มากยิ่งกว่าระบบไฟ 1 เฟส จึงทำให้ช่วยลดปัญหาการจ่ายไฟที่ไม่เสถียรได้ และหากใช้งานร่วมกับเครื่องสำรองไฟ จะช่วยป้องกันเหตุไฟฟ้าขัดข้องอย่างไฟดับ ไฟตก หรือไฟกระชากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องคอยกังวลใจว่าปัญหาเหล่านี้จะทำให้การใช้งานไฟฟ้าติดขัด
4. ใช้ไฟฟ้าน้อยลงกว่าที่เคย
ในการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการกระแสไฟจำนวนมาก หรือเครื่องจักรขนาดใหญ่ หากเลือกใช้ไฟ 1 เฟส จะต้องทำให้จ่ายไฟมากกว่าที่ควรเป็น หากแต่เมื่อใช้ไฟ 3 เฟส ก็จะช่วยให้การจ่ายไฟสามารถกระจายได้อย่างเหมาะสม และไม่ต้องจ่ายไฟมากเท่าระบบไฟ 1 เฟส
5. การทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีขึ้น
การทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าในอาคารสำนักงาน โรงงาน หรือสถานที่ต่างๆ อาจต้องใช้ไฟเป็นจำนวนมาก หรือเครื่องใช้บางประเภทจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟในปริมาณมากแตกต่างไปจากอุปกรณ์อื่นๆ ดังนั้นการทำงานและการจ่ายไฟของไฟ 3 เฟส จะช่วยทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
6. แก้ไขปัญหาไฟฟ้าติดขัดได้ดี
บางครั้งการใช้ไฟ 1 เฟส อาจพบปัญหาขัดข้องอยู่บ้างในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นจากระบบไฟฟ้าเอง หรือจากปัจจัยอื่นๆ ในขณะที่ไฟ 3 เฟส มีการจ่ายกระแสไฟที่สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง จึงทำให้กระแสไฟฟ้ามีความคงที่มากยิ่งขึ้น
7. ไม่ต้องซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าบ่อยๆ
เนื่องจากไฟ 3 เฟส มีการทำงานที่เสถียร สม่ำเสมอ และคงที่ จึงทำให้ระบบไฟฟ้าสามารถทำงานได้อย่างไหลลื่นตามประสิทธิภาพของระบบไฟ จึงทำให้ช่วยยืดอายุการทำงาน และรักษาประสิทธิภาพของการทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ระบบไฟ 3 เฟส ดีต่อสิ่งแวดล้อมกว่าอย่างไร
ระบบไฟ 3 เฟส นั่นส่งผลกระทบที่ดีต่อโลกและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไฟ 3 เฟส จะช่วยทำให้การทำงานของระบบไฟฟ้าสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้ว่าระบบไฟ 3 เฟส อาจไม่สามารถเป็นพลังงานสะอาดได้เท่าพลังงานจากธรรมชาติ แต่นับได้ว่าไฟ 3 เฟส จะช่วยทำให้ในระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีหนทางในการเลือกใช้ระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ในปริมาณที่น้อยที่สุด
แผงโซลาร์เซลล์ กับระบบไฟ 3 เฟส เพื่อคุณภาพที่ดีกว่า
การใช้ระบบไฟ 3 เฟส ควบคู่กับแผงโซลาร์เซลล์ จะช่วยให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มีความเสถียร คุ้มค่า และสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งหากใช้ร่วมกันกับแผงโซลาร์เซลล์ก็จะช่วยในการประหยัดพลังงานและช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น
สรุป
กล่าวได้ว่าไฟ 1 เฟส คือไฟสำหรับครัวเรือน ที่จะจ่ายกระแสไฟได้ทีละไม่มากนัก ในขณะที่ไฟ 3 เฟส สามารถจ่ายกระแสไฟได้มากกว่า และมีความเสถียรมากกว่า ซึ่งจะช่วยลดความขัดข้องในระหว่างการทำงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหากนำไฟ 3 เฟส มาใช้ควบคู่กับโซลาร์เซลล์ก็จะช่วยในด้านของประสิทธิภาพในการทำงานของระบบไฟฟ้าได้ดีมากยิ่งขึ้น และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี
โดย Sorarus มีบริการรับติดตั้งโซลาร์เซลล์ พร้อมกับการดูแล และซ่อมบำรุง อีกทั้งจะช่วยในการให้คำปรึกษาฟรีสำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องโซลาร์เซลล์ และผู้ที่สนใจหันมาเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานไฟฟ้าให้คุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อโลกและสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด